เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 15 ธันวาคม 2565 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวีช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกรณี "ฟังอีกด้าน ทำไมร้านค้า ร.ร. เรียกเงินแสน นักเรียนขโมยชาเขียว"
ทั้งนี้ น.ส.สเตฟานี่ เสี่ยวผิง เจ้าของร้าน เปิดเผยว่า ร้านของตนเป็นมินิมาร์ทภายในโรงเรียน ซึ่งเราเป็นเอกชนที่ประมูลเข้ามาทำกิจการ ในวันเกิดเหตุ วันที่ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมา คุณแม่กับพนักงานในร้านจับได้ว่า มีเด็กนักเรียนขโมยของในร้านแล้วโดนจับได้ พบว่าเป็นเด็กกลุ่มเดิมที่มีพฤติกรรมขโมยของมาหลายครั้งแล้ว และเราเคยส่งเรื่องให้โรงเรียนหักคะแนนมาแล้ว
เรื่องนี้มีเด็กเกี่ยวข้องทั้งหมด 6 คน โดยเด็กคนที่ 1-3 รับสารภาพและยอมรับผิด ส่วนเด็กคนที่ 4-5 ไม่ได้ขโมยแต่รับประทานขนมที่เพื่อนขโมยมา เราถือว่าไม่มีความผิด ส่วนเด็กคนที่ 6 เราเพิ่งมาเห็นระหว่างกลับไปดูกล้องวงจรปิด
หลังเกิดเหตุทางโรงเรียนได้รีบโทร.ติดต่อผู้ปกครองของเด็ก คนที่ 1-3 ในตอนนั้นยอมรับว่า เสียความรู้สึกพอสมควร จึงขอแจ้งความดำเนินคดี เพราะเคยจับได้และตักเตือนไปแล้ว แต่ไม่เป็นผล เพราะเด็กไม่ได้กลัว ขอยืนยันว่า เด็กกลุ่มนี้เคยก่อเหตุมาแล้ว เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2565 ที่สำคัญคืออยากให้รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องเล็กนะ
น.ส.สเตฟานี่ กล่าวอีกว่า ตนได้เรียกเงินไป 1 แสนบาท แต่ที่ลดให้เหลือ 5 หมื่นบาท เพราะเห็นว่าเด็กสารภาพ แต่ในใจเราไม่อยากได้ 5 หมื่นบาท แต่ที่เรียกเงินจำนวนนี้เพราะในช่วงเวลา 7 วันที่เราให้ไปนั้น อยากให้เป็นบทเรียนกับเด็กๆ ว่าถ้าเขายังทำแบบนี้จะทำให้พ่อแม่เดือดร้อน
เมื่อครบกำหนด 7 วัน ตนกับผู้ปกครองเด็กได้มาเจอกันอีกครั้ง ทุกคนก็ยอมรับผิดและขอต่อรอง ตนคิดว่าเราถอยคนละครึ่งทาง จึงลดให้เหลือ 25,000 บาท คิดว่าเป็นจำนวนเงินที่มากพอให้เด็กกลุ่มนี้ได้รับบทเรียนแล้ว ซึ่งพ่อแม่เด็กทั้ง 3 คนได้นำเงินมาจ่ายรวมเป็นจำนวนเงิน 75,000 บาท เราได้แจ้งผู้ปกครองกับครูว่าจะนำเงินจำนวนนี้ไปทำบุญ ทุกคนก็แฮปปี้
ด้านทนายเกิดผล แก้วเกิด กล่าวว่า เมื่อมีการกระทำความผิดเกิดขึ้นก็ต้องพูดคุยกัน หากคุยกันไม่ได้ ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่เด็กกลุ่มนี้เป็นเยาวชนจึงมีกฎหมายเด็กเกี่ยวข้อง กำหนดไว้ชัดเจนว่า ถ้าอายุไม่เกิน 12 ปี ทำผิดไม่ได้รับโทษ อายุ 12 ปี แต่ไม่เกิน 15 ปี เด็กทำผิด ศาลไม่ลงโทษแต่จะใช้วิธีอื่น เช่น ว่ากล่าวตักเตือน ให้เข้ารับการอบรม มุ่งเน้นเรื่องการปรับปรุงพฤติกรรมโดยเฉพาะเด็ก เยาวชน
ส่วนความเสียหายที่เกิดเขึ้น ผู้ได้รับความเสียหายจะต้องได้รับค่าชดใช้ เสียหายเท่าไรก็เรียกได้เท่านั้น ไม่เช่นนั้นจะเป็นการใช้สิทธิเกินควร
ในกรณีที่มีการแจ้งคววามดำเนินคดีจะต้องฟ้องทั้งหมด เพราะเป็นการทำความผิดร่วมกัน ในส่วนที่ให้เงินมาแล้วก็ต้องคืนเงินไป
ในส่วนของเด็กคนที่ 6 ที่ทางผู้ปกครองได้ไปร้องเรียนกับมูลนิธิปวีณานั้น น.ส.สเตฟานี่ กล่าวว่า หลังจากตนกลับมาดูคลิปจากกล้องวงจรปิดเพื่อเก็บหลักฐาน พบว่ามีเด็กคนที่ 6 ร่วมด้วย จึงติดต่อทางโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนได้ติดต่อผู้ปกครองของเด็กคนที่ 6 คาดว่าเป็นคุณย่า ไม่ก็คุณยายของเด็ก ให้เข้ามาคุยและนัดไกล่เกลี่ย ตนก็คิดว่าในวันที่ 14 ธันวาคม 2565 ผู้ปกครองของเด็กคนที่ 6 จะมาพบเรา แต่สุดท้ายเขาก็ไม่มา จนมาทราบว่า เรื่องนี้กลายเป็นข่าว
เมื่อถามว่าทำไมหลังเกิดเหตุทางร้านจึงไม่แจ้งความตามกระบวนการ น.ส.สเตฟานี่ กล่าวว่า หลังเกิดเรื่อง ตนได้พูดว่าจะแจ้งความไหม แต่ทางผู้ปกครองกับทางโรงเรียนขอร้องว่าอย่าให้ไปถึงกระบวนการทางกฎหมาย ไม่อยากให้กระทบกับเด็กและขอให้เราให้โอกาสเด็กๆ ในส่วนผู้ปกครองของเด็กคนที่ 6 ตนอยากให้มาคุยก่อน ถ้าเขามีเจตนาที่สำนึกผิดในสิ่งที่ลูกเขาทำก็มาคุยกัน และยืนยันว่าจะเรียกจำนวนเงินที่ 25,000 บาท.
>{Fullwidrh}
